วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

โครงการพระราชดำริแหลมผักเบี้ย






ที่ตั้งโครงการ
ตั้งอยู่ที่ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ห่างจากเทศบาลเมืองเพชรบุรี ประมาณ 22 กิโลเมตร
ความเป็นมา
โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลแหลมผัดเบี้ย อำเภอบ้านเหลม จังหัวดเพรชบุรี เกิดขึ้น สิบเนื่องจากพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงมีพระราชดำริด้านปัญหาขยะและน้ำเสีย
มีวัตถุประสงค์หลัก คือ การศึกษาวิจัยหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียและขยะชุมชนที่ประหยัด สะดวก ทำได้ง่าย และสามารถนำไปใช้ประยุกต์ใจ้กับพื้นที่อื่นไ ในประเทศได้อย่างกว้างขวาง

หลักการและเหตุผล
โดยทั่วไปหากพิจารณาจกาลักษณะเฉพาะและการปะรกอบอาชีพสามารถแบ่งลักษณะของชุมชน/สังคมเป็น 5 กลุ่ม คือ ชุมชนเกษตรกรรม ชุมชนพาณิชยกรรม ชุมชนอุตสาหกรรม ชุมชนท่องเที่ยวแบะนันทนาการ และชุมชนผสมแมื่อสามารถจำแนกรูปแบบชุมชนออกเป็นประเภทเหล่านี้ได้แล้ จะทำให้นักประชาสัมพันธ์และนักสิ่งแวดล้อมศึกษาสามารถวางแผนในการประขาสัมพันธ์และการให้ความรู้เทคโนโลยีการกำจัดขยะและบำบัดได้
วัตถุประสงค์
1.)เพื่อนำองค์ความรู้ เรืองเทคโนโลยีการกำจัดขยะ และบำบัดน้ำเสียผ่านการะบวนการประชาสัมพันธ์และสิ่งแวดล้อมศึกษาไปสู่กลุ่มเป้าหมาย
2.)เพื่อให้เกิดความร่วมมือและการประสานปะรโยชน์ระหว่างหน่วยงานและประชากร

ลักษณะรูปแบบของสังคม/ขุมชน
1.) ชุมชนเมือง ส่วนใหญ่อาชีพเข้ามามีบทบาทในการกำหนดความแตกต่างการแบ่งชั้นสังคม สามารถแบ่งได้ดังนี้
1.) ชุมชนพาณิชยกรรม
2.)ชุมชนอุตสาหกรรม
3.)ชุมชนท่องเที่ยวและนันทนาการ
4.)ขุมชนแบบผสม

ชุมชนชนบท
ประขาชนส่วนใหญ่มีอาขีพทำการเกษตร จึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับธรรมชาติ วิถีชีวิต ความเชื่อ จารีตประเพณี และทัศนคติของชนบท มีความเป็นกลุ่มคนไม่แตกต่างกันทางความคิด คือ ชุมชนเกษตรกรรม
1.ความรู้พื้นฐานการประชาสัมพันธ์และสิ่งแวดล้อมศึกษา
1.)ลักษณะการประชาสัมพันธ์
1.1)การประชาสัมพันธ์ประกอบด้วยการใช้สื่อมวลชน อาทิการเขียนข่าาว การให้ข่าว และการสัมภาษณ์ นำลงไปใช้ในสื่อมวลและการไม่ใช้สื่อมวลชน อาทิ การจัดสัมมนา จัดแสดงผลงาน การจัดการแข่งขัน
1.2)การประชาสัมพันธ์เป็นทั้งสื่อที่จ่ายเงิน อาทิ การซึ้อพื้นที่เพื่อนำข่าวลง และสื่อที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินอาทิ การนำข่าวไปแจ้งให้กับนักช่าวทราบ และนักข่าวสนใจตามมาขอข่าวไปลงเอง

2.สิ่งแวดล้อมศึกษา
2.1 ปรัชญา
ปรัชญาของสิ่งแวดล้อมศึกษาซึ่งต้องอาศัยหลักการสิ่งแวดล้อมศึกษาประกอบด้วย แนวคิด 3 ประการ คือ
1.) การให้ความรู้ทางสิ่งแวดล้อมศึกษา ต้องเป็นการให้การศึกษาที่ ยาวนานและต่อเนื่องชั่วชีวิต
2।)สิ่งแวดล้อมศึกษาต้องเป็นกระบวนการที่ก่อให้เกิดสิ่งต่อไปนี้ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ คือ คิดเป็น ทำเป็น และแก้ปัญหาได้ จากสิ่งเหล่านี้


1।) ความรู้ (kownledge) เป็นความรู้ที่ลุ่มลึกจนสามารถสร้างแนวคิดเป็น ทำเป็นและแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ

2.) ทัศนคติ (attitudes) เป็นแนวคิดที่ถูกต้องในการอนุรักษ์สาธารณะจากตนเง ทั้งต่อหน้าและลับหลังกลุ่มบุคคล
3.)จิตสำนึก(awareness) สิ่งที่อยู่ภายใต้จิตใต้สำนิกตลอดเวลา ครั้งใดที่เกิดปะญหาหรือพบเห็นเรื่องที่มีความรู้จะดึงจิตใต้สำนึกให้เห็นภาพ
4.) การรู้สึกตอบโต้(sensitivity)สิ่งที่ว่องไวและถูกต้องหมายถึงว่าคราใดที่มีสิ่งเร้าต้องให้กระทำ จะมีเขาว์ปัญญาเลือกกระทำได้ถูกต้อง
5.)ทักษะ(skill) มีความรู้อย่างลึกซึ้งจนสามารุจำแนกได้อย่างถูกต้องในทุกสภาวะของสิ่งนั้น อีกทั้งสามารถปฏิบัตืได้ด้วยความชำนาญ

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551




การสกัดน้ำมันสบู่ดำ
สบู่ดำ" พืชพลังงานทดแทนน้ำมันดีเซล จากภาวะในปัจจุบันที่มีการรณรงค์ให้คนไทยหันมาประหยัดน้ำมันกัน ก่อนที่จะไม่มีน้ำมันให้ใช้ ส่งผลให้น้ำมันแพงขึ้น จึงมีการนำพืชที่สามารถใช้ทดแทนน้ำมันได้มาสกัดใช้งาน สบู่ดำ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Jatropha curcas Linn. เป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ไม้ยางพารา Euphorbiaceae เช่นเดียวกับสบู่แดง ปัตตาเวีย ฝิ่นต้นหรือมะละกอฝรั่ง หนุมานนั่งแท่น โป๊ยเซียน มันสำปะหลัง มะยม มะขามป้อม ผักหวานบ้าน ซึ่งมีความหลากหลายกันค่อนข้างมากในลักษณะต้น ใบ ช่อดอก ผลและเมล็ด สบู่ดำเป็นพืชพื้นเมืองของอเมริกาใต้ ชาวโปรตุเกสนำเข้ามาในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อรับซื้อเมล็ดไปคัดบีบเอาน้ำมันสำหรับทำสบู่

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 2-7 เมตร ลำต้นมีลักษณะเกลี้ยงเกลา ใบเรียบมี 4 แฉก คล้ายใบละหุ่ง แต่มีหยักตื้นกว่าใบที่เจริญเติบโตเต็มที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ ลำต้น ใบ ผลและเมล็ดมีสาร hydrocyanic สังเกตได้เมื่อหักลำต้น ส่วนยอดหรือส่วนก้านใบจะมียางสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนมไหลออกมา มีกลิ่นเหม็นเขียว ต้นสบู่ดำออกดอกเป็นช่อกระจุกที่ข้อส่วนปลายของยอดขนาดดอกเล็กสีเหลืองมีกลิ่นหอมอ่อนๆ มีดอกตัวผู้จำนวนมากและดอกตัวเมียจำนวนน้อยอยู่บนต้นเดียวกัน เมื่อติดผลแล้วมีสีเขียวอ่อนเกลี้ยงเกลาป็นช่อพวงมีหลายผล เวลาสุกแก่จัดมีสีเหลืองคล้ายลูกจันทร์ รูปผลมีลักษณะทรงกลมขนาดปานกลาง เปลือกหนาปานกลาง มีปลูกทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ผลหนึ่งส่วนมากมี 3 พู โดยแต่ละพูทำหน้าที่ห่อหุ้มเมล็ดไว้ เมล็ดสีดำขนาดเล็กกว่าเมล็ดละหุ่งพันธุ์ลายขาวดำเล็กน้อย สีตรงปลายเมล็ดมีจุดสีขาวเล็กๆ ติดอยู่ เมื่อเก็บไว้นานจุดนี้จะหดตัวเหี่ยวแห้งลงขนาดของเมล็ดเฉลี่ย ความยาว 1.7-1.9 ซม. หนา 0.8-0.9 ซม. น้ำหนัก 100 เมล็ดประมาณ 69.8 กรัม เมื่อแกะเปลือกนอกสีดำออกจะเห็นเนื้อในสีขาว
สบู่ดำ เป็นชื่อเรียกในภาคกลาง ภาคเหนือเรียกว่า มะหุ่งฮั้ว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เรียกว่า มะเยาหรือสีหลอด ภาคใต้ เรียก มะหงเทศ เมล็ดสบู่ดำมีสารพิษเรียกว่า CURCIN หากบริโภคแล้วทำให้เกิดอาการท้องเดินเหมือนสลอด กากสบู่ดำยังมีธาตุอาหารใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้ ในชนบทยังใช้สบู่ดำเป็นยาสมุนไพรกลางบ้าน โดยใช้ยางจากก้านใบป้ายรักษาโรคปากนกกระจอก ห้ามเลือดและแก้ปวดฟัน รวมทั้งผสมน้ำนมมารดากวาดป้ายลิ้นเด็กที่มีฝ้าขาวหรือคอเป็นตุ่ม และใช้ส่วนของลำต้นมาตัดเป็นท่อนๆ ต้มให้เด็กกินแก้โรคซางหรือตาลขโมย



การขยายพันธุ์ การใช้เมล็ด ควรเก็บฝักที่มีสีเหลืองแก่แกมสีน้ำตาล สามารถเพาะในถุงเพาะหรือกระบะทรายอายุประมาณ 2 เดือนจึงนำไปปลูก ต้นที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะให้ผลผลิตได้ประมาณ 8-10 เดือนหลังปลูก การใช้ท่อนพันธุ์ ควรใช้ท่อนพันธุ์สีน้ำตาลปนเขียว ยาว 45-50 ซม. จะเริ่มมีดอกและให้ผลผลิตระยะ 6-8 เดือน หลังปลูก
การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ปัจจุบันกรมวิชาการเกษตรได้ทำการขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อได้แล้ว ซึ่งได้ผลเหมือนกับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชชนิดอื่นทั่วไป

การปลูก การเจริญเติบโตลำต้นจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ค่อยแตกกิ่งก้านจึงควรตัดแต่งกิ่งบ่อยๆ เพื่อให้ต้นแตกกิ่งก้าน ระยะปลูก 2x2.5 ตารางเมตร ฤดูปลูกที่เหมาะสมเป็นช่วง เดือน เมษายน - พฤษภาคม พื้นที่ปลูกควรเลือกพื้นที่ดอน น้ำไม่ท่วมขัง อยู่กลางแจ้งแสงแดดจัด เช่น คันนา นาดอนจัดหัวไร่ปลายนา ริมรั้วบ้าน
การสกัดน้ำมันสบู่ดำ ผลสบู่ดำแห้ง (ผลสีเหลืองถึงสีดำ) ที่แก่จากต้น นำมากระเทาะเปลือกออกให้เหลือเฉพาะเมล็ด นำไปล้างน้ำทำความสะอาด นำมาผึ่งลมให้เมล็ดแห้ง นำไปบุบเมล็ดให้แตก โดยการทุบหรือบดหยาบ นำเมล็ดที่ได้บุบแล้วออกตากแดดเพื่อรับความร้อนประมาณ 30 นาที แล้วนำเมล็ดสบู่ดำเข้าเครื่องสกัด (ใช้แรงงานคน) นำน้ำมันที่ได้ไปกรองเพื่อแยกเศษผง เมล็ดสบู่ดำ 4 กิโลกรัมสกัดน้ำมันได้ 1 ลิตร น้ำมันที่ได้จากการสกัดเมล็ดสบู่ดำสามารถใช้แทนน้ำมันดีเซลได้ โดยไม่ต้องใช้ส่วนผสมและไม่ทำให้เครื่องยนต์เสียหาย กากเมล็ดสบู่ดำที่เหลือจากการสกัดน้ำมันมีปริมาณไนโตรเจนสูง ซึ่งเป็นธาตุอาหารที่พืชต้องการจึงสามารถนำไปเป็นปุ๋ยอินทรีย์ของพืชได้

การทดสอบการใช้งาน จากการนำน้ำสบู่ดำที่ได้ไปทดลองเดินเครื่องยนต์คูโบต้าดีเซล 1 สูบ แบบลูกสูบนอกระบบ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 400 ซีซี. 7 แรงม้า/2200 รอบ/นาที ผลจากการทดสอบกับเครื่องยนต์เมื่อเดินเครื่องยนต์ด้วยน้ำมันสบู่ดำครบ 1,000 ชั่วโมง ถอดชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ออกมาตรวจสอบ เสื้อสูบ ลูกสูบ แหวนลิ้น หัวฉีดและอื่นๆ ไม่พบยางเหนียวจับ ทุกชิ้นยังคงสภาพดีเหมือนเดิม..


วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551




ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
สาระสำคัญ
ในการทำงานทุกโครงงาน ผู้ทำต้องระมัดระวังตนเองให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ทุกคนจึงต้องศึกษาการทำงานให้เกิดความปลอดภัย และเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วจะต้องรู้จักการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อช่วยเหลือให้ผู้ป่วยปลอดภัยถึงมือแพทย์ต่อไป
จุดประสงค์การเรียนรู้
อธิบายการปฏิบัติงานให้เกิดความปลอดภัยและการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
เนื้อหา
ไฟฟ้าที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน นับว่าเป็นประโยชน์และให้ความสะดวกแก่เราอย่างยิ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็อาจได้รับโทษภัยจากไฟฟ้าได้เช่นกัน เช่น อาจถูกไฟฟ้าดูดมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ฉะนั้นเราจึงควรศึกษาถึงวิธีการใช้ไฟฟ้าอย่างถูกต้อง และศึกษาถึงหลักการโดยทั่วไป เพื่อความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้า ในการปฏิบัติโครงงานทุกครั้งนักเรียนจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน อุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลาในขณะปฏิบัติงานจำเป็นที่จะต้องป้องกันและระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยของทรัพย์สินและชีวิตของเรา
ในการปฏิบัติงานทุกครั้ง ผู้ปฏิบัติงานจะต้องคำนึงถึงความพร้อมในการทำงาน ได้แก่ ร่างกายไม่เหนื่อยอ่อน ตั้งใจทำงาน ไม่หยอกล้อเล่นกัน และความประมาท เป็นต้น นอกจากนี้ยังอาจเกิดสภาพของเครื่องมือที่ชำรุด และสภาพของสถานที่ปฏิบัติงานที่ไม่เอื้ออำนวยในการทำงาน สิ่งเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
การปฏิบัติงานอย่างปลอดภัยในการปฏิบัติงานโครงงานอิเล็กทรอนิกส์ทุกครั้งจะต้องปฏิบีติดังต่อไปนี้
1. พยายามฝึกให้มีความระมัดระวังในเรื่องความปลอดภัยจนเป็นนิสัย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น รวมทั้งป้องกันการชำรุดของเครื่องมือและอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ
2. พยายามระลึกอยู่เสมอว่า ความผิดพลาดครั้งแรกเกี่ยวกับไฟฟ้าอาจเป็นความผิดพลาดครั้งสุดท้าย
3. เครื่องมือเครื่องใช้ต้องมีสภาพที่จะใช้งานได้และไม่ชำรุด
4. เครื่องมือที่ใช้เสร็จแล้วต้องทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
5. ใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับงานที่ปฏิบัติ
6. ก่อนจะใช้เครื่องใช้จักรกลใด ๆ ต้องศึกษาให้เข้าใจถึงวิธีการใช้ให้ดีเสียก่อน ซึ่งอาจศึกษาได้จากคู่มือการใช้เครื่องมือหรือสอบถามอาจารย์ผู้ควบคุมก่อน
7. อย่าหลอกล้อหรือเล่นกับเพื่อนในขณะทำงานหรือกำลังใช้เครื่องมือต่าง ๆ
8. เมื่อมีอุบัติเหตุใด ๆ เกิดขึ้นรีบรายงานให้ผู้ควบคุมทราบไม่ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
9. เมื่อจะนำเครื่องมือไฟฟ้าชนิดเคลื่อนย้ายได้ไปใช้ ต้องแน่ใจว่ามีสายต่อลงดินเรียบร้อยแล้ว (สายต่อลงดินคือลวดตัวนำซึ้งต่อจากโลหะไปยังสายลงดินของวงจร)
10. เมื่อเราจะเจาะโลหะด้วยสว่านจะต้องจับชิ้นโลหะด้วยพกประกับให้มั่นคงเสมอ
11. เมื่อเกิดไฟไหม้จากไฟฟ้าจะต้องปลดสวิตซ์ตัดวงจรแล้วจึงรายงานให้เจ้าของสถานที่ทราบและพยายามดับไฟ หรือจำกัดขอบเขตไฟไหม้ให้ได้มากที่สุด
หลักการปฏิบัติตนเกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย
1. ต้องระลึกอยู่เสมอว่าอันตรายจากไฟฟ้าไม่ว่าจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนกระแสที่ไหลผ่านตัวเรา
2. แรงดันไฟฟ้าที่สูงกว่า 50 โวลท์มีอันตรายต่อร่างกายทั้งสิ้น
3. ก่อนจะเปลี่ยนแปลงหรือทำการซ่อมเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าใด ๆ ให้ปลดสะพานไฟออกจากวงจรก่อนเสมอ เช่น ปิดสวิตซ์ตัดไฟ และใช้มิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้าในวงจรที่จะตรวจซ่อม
4. เมื่อปลดสวิตซ์ตัดวงจรออกแล้วต้องผูกแผ่นป้ายอันตรายกำลังซ่อมทำวงจรไว้ที่สวิตซ์ และต้องเขียนชื่อกำกับไว้ด้วย (จะให้แน่ใจเก็บฟิวส์ใส่กระเป๋าไว้ด้วย)
5. ในการดึงปลั๊กออกจากเต้าเสียบ (out let) ให้จับที่ตัวปลั๊กด้วยมือที่แห้งและสะอาดห้ามดึงที่สายไฟ
6. เมื่อจะเปลี่ยนหรือใส่ฟิวส์ใหม่ ต้องยกสวิตซ์ตัดตอนออกก่อนเสมอ
7. อย่าเปลี่ยนฟิวส์ใหม่ให้มีขนาดโตขึ้นกว่าขนาดที่ถูกต้อง
8. เมื่อฟิวส์เกิดขาดขึ้นแล้วแสดงว่ามีสิ่งปกติเกิดขึ้นกับวงจรหรืออุปกรณ์ต้องแก้ไขข้อบกพร่องนั้นก่อนจะยอมให้มันทำงานต่อไป
9. ปลดสวิตซ์ปลดทางไฟออกก่อนทำการเปลี่ยนฟิวส์ทุกครั้ง
10.เมื่อจะเปลี่ยนหรือใส่ฟิวส์ ต้องยืนบนที่แห้ง และอย่าให้มือข้างที่ไม่ได้ทำงานไปจับต้องหรือสัมผัสกับสิ่งอื่นใดที่เป็นโลหะ
11. ช่างไฟฟ้าทุกคนจะต้องรู้จักวิธีผายปอดและการนวดหัวใจ
12. ก่อนที่จะนำเครื่องไฟฟ้าไปใช้ในงาน ต้องตรวจเทียบจากแผ่นป้ายของเครื่องว่าใช้กับแรงดันไฟฟ้าและ กระแสไฟฟ้าถูกต้อง
13. อุปกรณ์และสายไฟฟ้าที่ชำรุดอาจเกิดอันตรายต่อผู้ไปสัมผัส และอาจทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรอันเป็นเหตุทำให้เกิดอัคคีภัยได้ ดังนั้น ควรเปลี่ยนใหม่หรือแก้ไขให้ดีขึ้น
14. อย่าใช้เครื่องมือที่มีฉนวนหุ้มซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะกระแสไฟฟ้าอาจวิ่งเข้าหาตัวเราผ่านทางเครื่องมือเหล่านั้นได้
15. อย่านำเครื่องไฟฟ้ากระแสตรงไปใช้กับกระแสสลับ หรือกระแสสลับไปใช้กับกระแสตรงอย่าลืมปิดสวิตซ์หรือหมุนปุ่มไปตามการใช้นั้น ๆ
16. อย่าต่อเครื่องใช้ไฟฟ้ากับไฟฟ้าที่มีแรงดันคนละชนิดกัน ควรใช้หม้อแปลงไฟฟ้าปรับแรงดันไฟฟ้าให้มีระบบเดียวกันก่อน

การช่วยเหลือผู้ประสบอันตรายจากไฟฟ้าและการปฐมพยาบาล
การช่วยเหลือผู้ประสบอันตรายให้หลุดพ้นจากกระแสไฟฟ้าเป็นสิ่งแรกและจำที่จะต้องกระทำด้วยความรวดเร็วรอบคอบและระมัดระวังเพื่อให้ผู้วิเคราะห์ได้มีโอกาสพ้นจากอันตราย ขั้นร้ายแรง และผู้ช่วยเหลือจะได้ไม่ประสบอันตรายไปด้วยอีก การช่วยเหลือผู้ถูกกระแสไฟฟ้าดูด ควรปฏิบัติดังนี้ (การไฟฟ้านครหลวง. 2520 : 46 – 47)
1. อย่าใช้มือเปล่าแตะต้องตัวผู้ที่กำลังติดอยู่กับกระแสไฟฟ้า หรือตัวนำไฟฟ้าที่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายเป็นอันขาด เพื่อป้องกันมิให้ถูกกระแสไฟฟ้าดูดให้ได้รับอันตรายไปด้วยอีกคน
2. รีบหาทางตัดกระแสไฟฟ้า โดยการถอดปลั๊กหรือปลดสวิตซ์หรือใช้วัตถุที่ไม่เป็นสื่อไฟฟ้า เช่น ไม้ เชือก สายยางหรือพลาสติกที่แห้งสนิท หรือใช้ผ้าแห้งพันมือให้หนา ดึง ผลัก หรือฉุดผู้ประสบอันตรายให้หลุดออกมาโดยเร็ว
3. เมื่อไม่อาจทำวิธีอื่นได้ให้ใช้วัตถุที่ไม่เป็นสื่อไฟฟ้าเขี่ยสายไฟฟ้าให้หลุดออกหรือใช้มีด ขวาน ที่มีด้ามไม้ หรือฉนวนหุ้ม พันสายไฟฟ้าให้ขาด หลุดจากผู้เคราะห์ร้ายโดยเร็วที่สุดแต่การกระทำด้วยวิธีดังกล่าวจะต้องมั่นใจว่า สามารถทำได้โดยเร็วและปลอดภัย
4. อย่าลงไปในน้ำ ในกรณีที่มีกระแสไฟฟ้าอยู่ในบริเวณที่มีน้ำแข็ง ให้หาทางเขี่ยสายไฟออกให้พ้น หรือตัดกระแสไฟฟ้าก่อนที่จะลงไปช่วยผู้ประสบอันตรายที่อยู่ในบริเวณนั้น หากผู้ถูกไฟฟ้าดูดสลบหรือหมดสติ ให้รีบทำการปฐมพยาบาลให้ฟื้นโดยเร็วที่สุด
การปฐมพยาบาล
1. เมื่อได้ทำการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอันตรายออกมาได้แล้วจะโดยวิธีใดก็ตาม หากปรากฏว่าผู้ที่ถูกกระแสไฟฟ้าดูดหมดสติไม่รู้สึกตัว หัวใจหยุดเต้น (ตรวจโดยเอาหูฟังที่หน้าอกหรือจับชีพจร) ให้ใช้วิธี “นวดหัวใจภายนอก” โดยเอามือกดตรงที่ตั้งหัวใจดังรูปที่ 1 ให้ยุบลงไป 3-4 ซม. เป็นจังหวะๆ เท่าจังหวะการเต้นของหัวใจ (ผู้ใหญ่วินาทีละ 1 ครั้ง เด็กเล็กวินาทีละ 2 ครั้ง) นวด 10-15 ครั้ง เอาหูแนบฟังครั้งหนึ่ง
2. หากไม่หายใจ (ตรวจดูโดยการขยายของซี่โครงและหน้าอก) ให้ใช้วิธีเป่าลมเข้าทางปากหรือทางจมูกของผู้ป่วยดังนี้
วิธีเป่าลมเข้าทางปาก
1.ให้ผู้ป่วยนอนราบจัดท่าให้เหมาะสมจับผู้ป่วยนอนหงาย ดังรูปที่ 2
2.ใช้นิ้วหัวแม่มือง้างปลายคางผู้ป่วยให้อ้าออก ดังรูปที่ 3 หากมีเศษอาหารหรือวัสดุใด ๆ รวมทั้งฟันปลอมให้ล้วงออกให้หมด
3.ผู้ช่วยเหลืออ้าปากให้กว้างหายใจเข้าเต็มที่มือขวาข้างหนึ่งบีบจมูกผู้ป่วยให้แน่นสนิทและเป่าลมเข้าปากอย่างแรงจนปอดผู้ป่วยขยายออก (ซี่โครงและหน้าอกพองขึ้น) แล้วปล่อยให้ลมหายใจของผู้ป่วยออกเองแล้วเป่าอีก ทำเช่นนี้เป็นจังหวะ ๆ เท่ากับจังหวะหายใจปกติ (ผู้ใหญ่นาทีละ 12-15 ครั้ง เด็กเล็กนาทีละ 20-3.0 ครั้ง) ถ้าเป่าปากไม่ได้ให้ปิดปากผู้ป่วยแล้วเป่า เข้าทางจมูกแทน ดังรูปที่ 4
4.ถ้าผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นและไม่หายใจด้วย ให้นวดหัวใจสลับกับการเป่าปาก ดังรูปที่ 5 ถ้ามีผู้ช่วยเหลือเพียงคนเดียวก็ให้เป่าปาก 2 ครั้ง สลับกับการนวดหัวใจ 15 ครั้ง หรือถ้ามีผู้ช่วยเหลือ 2 คนก็ให้นวดหัวใจสลับกับการเป่าปากเป็นทำนองเดียวกัน โดยเป่าปาก 1 ครั้ง นวดหัวใจ 5 ครั้ง
การปฐมพยาบาลช่วยให้ฟื้นนี้ต้องรีบทำทันทีหากช้าเกินกว่า 4-6 นาที โอกาสที่จะฟื้นมีน้อย ขณะพาไปส่งแพทย์ก็ควรทำการปฐมพยาบาลไปตลอดเวลา

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2551



สบู่ดำ
ʺÙè´Ó เป็นพืชน้ำมันชนิดหนึ่ง น้ำมันที่ได้จากเมล็ดสบู่ดำ สามารถใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลที่เกษตรกรใช้อยู่ได้ โดยไม่ต้องใช้น้ำมันชนิดอื่นผสมอีก ใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรค ใช้ปลูกเป็นแนวรั้ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงเข้าทำลายผลผลิต เนื่องจากมีสารพิษ Hydrocyanic มีกลิ่นเหม็นเขียว สบู่ดำจึงเป็นพืชที่น่าให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งสภาวะที่ราคาน้ำมันดีเซลมีราคาสูงอย่างในปัจจุบัน สบู่ดำมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Jatropha Curcas Linn. อยู่ในวงศ์ไม้ยางพารา ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอเมริกาใต้ ชาวโปรตุเกสนำเข้ามาปลูกในประเทศไทย ในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อนำมาบีบน้ำมันสำหรับทำสบู่ ปัจจุบันสบู่ดำมีปลูกอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น ภาคเหนือเรียกว่ามะหุ่งฮั้ว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่ามะเยาหรือสีหลอด ภาคใต้เรียกว่ามาเคาะ
»ÃÐ⪹ì¢Í§ÊºÙè´Ó
1.ยางจากก้านใบ ใช้ป้ายรักษาโรคปากนกกระจอก ห้ามเลือด แก้ปวดฟัน แก้ลิ้นเป็นฝ้าขาว โดยผสมกับน้ำนมมารดาป้ายลิ้น2.ลำต้น ตัดเป็นท่อนต้มน้ำให้เด็กกินแก้ซางตาลขโมย ตัดเป็นท่อนแช่น้ำอาบแก้โรคพุพอง ใช้เป็นแนวรั้วป้องกันสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ ม้า แพะ เข้าทำลายผลผลิต3.เมล็ด หีบเป็นน้ำมัน ใช้ทดแทนน้ำมันดีเซล ใช้บำรุงรากผม ใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ โดยใช้กากที่เหลือจากการหีบน้ำมัน ซึ่งมีธาตุอาหารหลัก มากกว่าปุ๋ยหมักและมูลสัตว์หลายชนิด ยกเว้นมูลไก่ที่มีฟอสฟอรัส และโปรแตสเซี่ยม มากกว่า และยังมีสารพิษ Curcin มีฤทธิ์เหมือนสลอด เมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้ท้องเดินใน
ลักษณะลำต้นสบู่ดำ
ต้นสบู่ดำ เป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลาง ความสูง 2-7 เมตร อายุยืนไม่น้อยกว่า 20 ปี ลำต้นและยอดคล้ายละหุ่ง แต่ไม่มีขน ลำต้นเกลี้ยงเกลาใช้มือหักได้ง่ายเพราะเนื้อไม้ไม่มีแก่น ใบหยักคล้ายใบละหุ่งแต่หยักตื้นกว่า มี 4 หยัก
ลักษณะลำต้นสบู่ดำ
ต้นสบู่ดำ เป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลาง ความสูง 2-7 เมตร อายุยืนไม่น้อยกว่า 20 ปี ลำต้นและยอดคล้ายละหุ่ง แต่ไม่มีขน ลำต้นเกลี้ยงเกลาใช้มือหักได้ง่ายเพราะเนื้อไม้ไม่มีแก่น ใบหยักคล้ายใบละหุ่งแต่หยักตื้นกว่า มี 4 หยัก
ลักษณะเปรียบเทียบผลสบู่ดำ
ลักษณะเมล็ดสบู่ดำ
เมล็ดสบู่ดำ เมล็ดมีสีดำ ขนาดเล็กกว่าเมล็ดละหุ่งพันธุ์ลายขาวดำเล็กน้อย สีตรงปลายเมล็ดมีจุดสีขาวเล็ก ๆ ติดอยู่ ความยาวประมาณ 1.7 – 1.9 เซนติเมตร หนาประมาณ 0.8 – 0.9 เซนติเมตร น้ำหนัก 100 เมล็ด ประมาณ 69.8 กรัมแมลงที่เข้าทำลายต้นสบู่ดำ ไรขาว เป็นศัตรูอันดับ 1 ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง เพลี้ยไฟ เพลี้ยหอย เพลี้ยแป้ง เพลี้ยจักจั่น

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2550

เครื่องมือการเกษตร



เครื่องมือเกษตร หมายถึง อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยทุนแรงและอำนวยความ
สะดวกในการทำงาน เครื่องมือเกษตรที่ดีควรมีลักษณะเหมาะสมกับประเภทของงานนั้นและอยู่ในสภาพที่ดีพร้อมใช้งานช่วยให้ทำการเกษตรมีประสิทธิภาพดี ทำได้รวดเร็วและได้ผลดียิ่งขึ้น
ประเภทเครื่องมือเกษตร…..แบ่งตามลักษณะของการใช้งานดังนี้
1.เครื่องมือที่ใช้กับงานดิน…เครื่องมือประเภทนี้ใช้สำหรับการทำงานเกษตรที่เกี่ยวข้องกับดิน
2.เครื่องมือใช้ในการให้น้ำเครื่องประเภทนี้ส่วนใหญ่ใช้ในการดูแลพืช
3.เครื่องมือตัดแต่งกิ่งและขยายพันธ์พืช
เครื่องมือเกษตรเกี่ยวกับดิน เครื่องมือเกษตรเกี่ยวกับพืช
เครื่องมือที่ใช้กับดินมี 6 ชนิด เครื่องมือที่ใช้กับพืชมี 5 ชนิด
1.[ช้อนปลูก] 1.บัวรดน้ำ
2.[ส้อมพรวน] 2.ถังน้ำ 3.[คราด] 3.กรรไกรตัดหญ้า 4.[เสียม] 4.มีดดายหญ้า 5.[จอบ 5.กรรไกรตอนกิ่ง 6.[พลั่ว]เครื่องมือเกี่ยวกับดิน
จอบ ใช้สำหรับ ขุดดินถางหญ้าขุดแปลง หรือใช้สำหลับขุดหลุมใหญ่ๆ
ส้อมพรวน ใช้สำหลับพรวนดินรอบๆต้นพืช
ความปลอดภัยในการใช้ ก่อนใช้ควรตรวจดูว่าจอบเข้าด้ามแน่นหนาหรือไม่ขณะที่ ใช้จอบต้องระวังเพื่อนที่อยู่ข้างเคียงและเท้าของผู้ใช้ด้วย
การทำความสะอาดและเก็บรักษา
หลังจากใช้แล้วล้างทำความสะอาดและใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง ทาน้ำมันกันสนิมแล้วเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ส้อมพรวน
ใช้สำหรับพรวนดินรอบ ๆ ต้นพืช ไม่ควรใช้พรวนในดิน แข็ง เพราะจะหักและงอง่าย
ความปลอดภัยในการใช้
ไม่ควรเล่นกันในขณะทำงาน เพราะ ส้อมพรวนมีความแหลมคม อาจจะได้รับอันตรายจากการใช้ได้ ถ้าผู้ใช้ขาด ความระมัดระวัง
การทำความสะอาดและเก็บรักษา
ภายหลังการใช้ควรล้างทำความสะอาดและเช็ดให้แห้ง ทาน้ำมันกันสนิมแล้วเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย

คราด
ใช้สำหรับย่อยดินและเก็บเศษหญ้า แต่งแปลงปลูก การ จับคราดใช้มือทั้งสองจับด้ามคราดให้ห่างกันพอสมควร แล้วถึงเข้าหาตัว
ความปลอดภัยในการใช้
ก่อนใช้ควรตรวจดูว่าคราดอยู่ในสภาพที่ ใช้ได้หรือไม่ ขณะใช้ควรระมัดระวังไม่ให้ด้ามคราดไปถูกคนใกล้เคียง
การทำความสะอาดและเก็บรักษา
หลังจากใช้แล้วล้างทำความสะอาดและใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง ทาน้ำมันกันสนิมแล้วเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย

เสียม
ใช้สำหรับขุดหลุมปลูกต้นไม้ ส่วนมากนิยมใช้ขุดหลุมขนาด เล็กลึก หรือใช้ในบริเวณแคบไม่เหมาะกับการใช้จอบ เวลาขุด ใช้มือทั้งสองข้างจับด้ามเสียมให้มือยู่ห่างกันพอสมควร แล้วกด ปลายเสียมลงไปในดิน
ความปลอดภัยในการใช้
ก่อนใช้ควรตรวจสภาพของเสียมเสียก่อน ขณะปฏิบัติงานให้ ระมัดระวังไม่ให้ด้ามเสียมไปโดนคนข้างเคียงที่ยืนอยู่ได้
การทำความสะอาดและเก็บรักษา
ภายหลังการใช้ควรล้างทำความสะอาด เช็ดให้แห้ง ทาน้ำมันกันสนิมแล้วเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย

พลั่ว
ใช้สำหรับตักวัสดุที่ใช้ในการเกษตร เช่น ดิน ปุ๋ย
ความปลอดภัยในการใช้
ก่อนใช้ควรตรวจดูว่าชำรุดหรือไม่ เพื่อจะได้ซ่อมให้เรียบ ร้อย ในขณะที่ใช้ตักดิน ควรระวังไม่ให้ถูกเท้าและคนข้างเคียง
การทำความสะอาดและเก็บรักษา
หลังจากการใช้ทุกครั้ง ล้างน้ำให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง ทาน้ำมันกันสนิมแล้วเก็บเข้า·Õè
เครื่องมือเกี่ยวกับพืช
บัวรดน้ำ
ใช้สำหรับรดน้ำพืช น้ำที่ออกจากฝักบัวจะเป็นฝอยกระจายทั่วต้นพืช ทำให้พืชได้รับน้ำอย่างทั่วถึง และส่วนต่าง ๆ ของพืชไม่หักง่าย การใช้ บัว รดน้ำ ถ้าไม่ระมัดระวังจะเสียหายง่ายที่ส่วนคอของ ฝักบัวจึงควรจับที่หูหิ้วหรือที่มือจับเท่านั้น
ความปลอดภัยในการใช้
ก่อนใช้ควรตรวจดูสภาพของบัวรดน้ำตรงที่มือจับหรือหูหิ้วเสียก่อน ถ้าชำรุดควรซ่อมให้เรียบร้อยก่อนนำไปใช้ และขณะที่ใช้ต้องจับถือให้แน่นเพื่อไม่ให้ตกลงเท้า
การทำความสะอาดและเก็บรักษา
ภายหลังการใช้แล้ว ควรล้างทำความสะอาดถังตัวถังและฝักบัว อย่าให้เศษหญ้าหรืออย่างอื่นอุดตัน แล้วคว่ำเก็บเข้าที่

กรรไกรตัดหญ้า
ใช้สำหรับตัดหญ้าหรือตกแต่งรั้วต้นไม้หรือตัดหญ้าในสนามที่มีมุมแคบ
ความปลอดภัยในการใช้
ขณะที่ใช้ควรระมัดระวังคนที่อยู่ข้างเคียง ไม่ควรใช้มือจับ ใกล้โคนกรรไกรมากเกินไป มือจะพลาดไปถูกคมของกรรไกรได้ ขณะใช้ควรระวังไม่ให้ปลายกรรไกร ไปถูกผู้อื่นด้วย
การทำความสะอาดและเก็บรักษา
ภายหลังการใช้ควรล้างทำความสะอาดเช็ดให้แห้ง ทาน้ำมัน กันสนิม หยอดน้ำมัน เก็บเข้าที่ โดยการแขวน

มีดดายหญ้า
ใช้สำหรับดายหญ้าหรือถางหญ้าที่ขึ้นสูง ซึ่งไม่สามารถที่ จะใช้กรรไกรตัดหญ้าได้
ความปลอดภัยในการใช้
ก่อนใช้ควรตรวจดูว่าด้ามแน่นดีหรือไม่ ขณะใช้มีดดายหญ้าต้องระมัดระวังให้มาก เพราะมีดดายหญ้ามีความคม อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้และผู้ที่อยู่ข้างเคียง ควรคำนึงถึงรัศมีของมีด ไม่ควรใช้มีดดายหญ้าแกว่งเล่นหยอกล้อกัน
การทำความสะอาดและเก็บรักษา
เมื่อใช้มีดดายหญ้าแล้ว ควรล้างทำความสะอาดโดยใช้ผ้า เช็ดให้แห้ง ทาน้ำมันกันสนิม ด้วยจะช่วยรักษาคมมีดให้อยู่ได้ นาน แล้วเก็บเข้าที่



กรรไกรตัดกิ่ง
ใช้สำหรับตัดแต่งกิ่งไม้ขนาดเล็ก เช่น กิ่งที่แห้งไม่ สมบูรณ์ เป็นโรคและแมลงกัดกิน หรือใช้ตัดแต่งพืชที่มี ใบและกิ่งหนา เกินไป ก่อนใช้ควรปลดที่รัดสปริงออก ใช้มือที่ผู้ใช้ถนัดจับโดยใช้อุ้งมือบริเวณนิ้วหัวแม่มือบังคับกรรไกร ตอนบนในการตัดกิ่ง
ความปลอดภัยในการใช้
ขณะตัดแต่งกิ่งควรใช้อย่างระมัดระวังโดยไม่ให้หลุดมือหรือแกว่งเล่น
การทำความสะอาดและเก็บรักษา
ภายหลังการใช้ควรล้าง เช็ดทำความสะอาด ทาน้ำมัน กันสนิม และหยอดน้ำมันตรงสปริงขากรรไกร แล้วเก็บเข้าที่ โดยการแขวน

วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

การปลูกไม้ประดับ


หมากนวลลักษณะทั่วไป : หมากนวลนี้เป็นปาล์มขนาดกลาง ลำต้นสูงประมาณ 15-20 ฟุต มีใบรูปขนนก สีเขียวอ่อนและโค้งงอเล็กน้อย กาบใบสีขาวนวลปนเขียวอ่อน ก้านใบยาวประมาณ ฟุต มีใบย่อยประมาณ 50 คู่ ใบย่อยยาวประมาณ 18-30 นิ้ว หมากนวลนี้ไม่มีหน่อ มีลักษณะต้นเดียวโดดๆ ทั้งต้นและใบมีความสวยงามกลมกลืนกันมาก การปลูก การใช้งาน : การดูแลรักษา แสง ต้องการแสงแดดจัด น้ำ ควรให้น้ำปานกลาง ดิน เจริญเติบโตได้ดีในดินแทบทุกชนิด ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักให้ปีละ2ครั้ง การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด

การปลูกบอนไซ


:: การเลี้ยงและดัดให้ได้รูปทรง::
ในที่นี้จะอธิบายถึงการเลี้ยงและดัดรายละเอียดให้ได้รูปทรง สำหรับต้นไทรจีนต้นนี้เป็นไม้ที่นำเข้ามาจากประเทศจีนมีโคนต้นที่สวยรากออกรอบต้น แต่รายละเอียดของกิ่งไม่เหมาะสม มีกิ่งที่ยาวเกินไปไม่ได้สัดส่วน ดังนั้นจึงตัดให้สั้นลงเพื่อเลี้ยงรายละเอียดใหม่ ให้มีความสมดุลเหมาะสมกับลำต้นและต้องการเลี้ยงให้จบเร็ว ในระยะเริ่มต้น ควรเลี้ยงในกระถางที่ใหญ่ก่อน เพื่อจะให้ไม้ที่จะเลี้ยงได้ดินมาก ๆ ดินที่ใช้ปลูกควรร่วนซุย สำหรับต้นไทรนี้จะเป็นดินขุยไผ่ก็ได้ ดินควรเป็นเม็ดหากดินละเอียดจะจับตัวเป็นเนื้อเดียวกันเร็วกว่าดินที่เป็นเม็ด ดินควรมีส่วนผสมของดินเผาหรือกระถางที่ทุบให้เป็นเม็ด เพื่อจะช่วยให้ดินไม่จับตัวเป็นเนื้อเดียวกันและยังดูดซับน้ำไว้ ช่วยให้ดินมีความชุ่มชื้นตลอดเวลา และควรตัดตุ้มไม้ให้บางจนถึงราก แต่ต้องมีรากพอสมควรหากในอนาคตเราเปลี่ยนใส่กระถางบางจะได้ไม่มีปัญหา เพราะถ้าไม่ตัดให้บางไว้แต่แรกแล้วไปตัดตุ้มให้บางในภายหลังอาจทำให้ตายได้ และไม่ควรใส่ปุ๋ยสำหรับไม้ปลูกใหม่